ผมเป็นตำรวจ…นครบาล ครับ

7 ธันวาคม 2555  10.00 น. ….โชคชะตานำพาให้ผมกลับมาเป็น “ตำรวจนครบาล” อีกครั้ง หลังจากบอกเลิก

รายงานตัวบช.น. 07-12-2555

อาชีพการเป็น “ตำรวจนครบาล” ไปเกือบ 10 ปีที่แล้ว หลังจากนั้น ผมก็ไม่เคยคิดฝันว่าจะกลับมาใช้ชีวิตการเป็นตำรวจนครบาลอีก…แต่หลังจากได้ไปเผชิญชีวิตการเป็นตำรวจในหน่วยอื่น ๆ เกือบ 8 ปี เช่นที่กองดุริยางค์ตำรวจ(ชื่อเป็นทางการว่า ฝ่ายดนตรี กองสวัสดิการ สำนักงานกำลังพล ครับ) หรือว่าที่กองสารนิเทศ ซึ่งผมก็มั่นใจว่า ผมได้ใช้ชีวิตตรงส่วนนั้น “อย่างเต็มที่” ทุ่มเทในแบบที่เรียกว่า “สุดตัว” จนกลายเป็น “แบรนด์” ประจำตัวของผมไปซะแล้ว ในเรื่อง “เต้นกินรำกิน” หรือ “มือถือไมค์ไฟส่องหน้า”  ซึ่งใครจะว่ายังไง ผมไม่รู้ แต่ผมรู้สึกภูมิใจในการที่ได้ทำตรงนั้นอย่างเต็มที่ จนกลายเป็นตัวจริงในเรื่องนั้น โดยที่ไม่ได้เคยร่ำเรียน หรือมีคุณวุฒิตรงนั้นมาก่อน อาศัยที่ว่า ชอบเรียนรู้ ชอบทดลอง ท้าทาย ในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วก็คิดว่าเป็น “กำไรชีวิต” ท่ีได้มีโอกาสมาอยู่ มาทำในที่ ๆ ตำรวจทั่วไปเขามีทีท่า “เกี่ยง” กันมาอยู่

พิธีกรสมรสสวัสดิการ ตร.-ก.ย.55

จนล่าสุด ผมขอผันตัวเองไปเป็น “ตำรวจภูธร” รองผู้การเมืองแปดริ้วฉะเชิงเทรา เมื่อต้นปีที่แล้วนี้เอง ทีแรกทำท่าว่าการมาอยู่ที่นี่น่าจะเป็นอะไรที่ “ลงตัว” ที่สุด เนื่องจากว่าที่นี่เป็นที่ ๆ ผมเคยใช้ชีวิตในวัยเด็ก สมัยเมื่อยังเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม ที่โรงเรียนเซนต์หลุยส์ ฉะเชิงเทรา และก็ถือว่ามีความผูกพัน มีเครือข่ายพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ไม่น้อย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ แล้ว ผมรู้สึกว่าการทำงานในรูปแบบของ “ตำรวจภูธร” ในวันนี้ ผมคง “ทำใจลำบาก” ที่จะใช้ชีวิตอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าคนที่นี่ เพื่อนร่วมงานที่นี่ไม่ดี ตรงกันข้าม คนที่นี่ เพ่ื่อนร่วมงานที่นี่ เป็นเพื่อนร่วมงานที่มีจิตใจดี พี่ ๆ น้อง ๆ ที่อยู่ด้วยกันที่นี่ เป็นคนที่คบหาได้ ไม่มีลีลา “เขี้ยวลากดิน” เหมือนหลาย ๆ ที่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกลำบากใจ ในการกลับมาเป็นตำรวจภูธรอีกครั้ง หลังจากเรื้อเวทีไปกว่า 20 ปีก็คือบริบทของการเป็นคนภูธร ในยุคสมัยนี้

ผกก.ดย.ตร.

ผู้ใหญ่บางคนบอกกับผมว่า การได้มาเป็นตำรวจภูธร ถือว่าได้ใช้ชีวิตการเป็นตำรวจในแบบ “ครบเครื่อง”…แต่ถึงวันนี้ ผมขออนุญาต “เถียงคอเป็นเอ็น” เลยครับว่า “ไม่จริ๊ง ไม่จริง”(ฟันธง !) ผมไม่อยากไปขุดคุ้ยหาเหตุผลของการฟันธงว่า “ไม่จริง” แต่ส่ิงที่ปรากฎออกมา บริบทของการเป็นตำรวจภูธรในวันนี้ คือบริบทของการเป็นข้าราชการที่ “รักสบาย ไร้ระบบตรวจสอบ ไม่ชอบคิดสร้างสรรค์ ความขยันไม่มีให้เห็น เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น อยู่อยู่กันไปวันวัน พอถึงวันนั้นก็วิ่งเต้นเอา”….แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังยืนยันนะครับ ว่าคนแถวนี้ คนเมืองแปดริ้ว หรือจะเหมารวมตำรวจทั้ง “ตำรวจภูธรภาค 2” ล้วนเป็น “คนดีที่น่าคบหา” ครับ

แล้วในที่สุด ผมก็คิดว่า การที่จะ “REBRANDING ” ตัวเอง ให้มีภาพจำในแบบ “ตำร๊วจ ตำรวจ” ต้องกลับมาเป็น “ตำรวจนครบาล” เท่านั้น ….เพื่อนฝูงหลายคนปรามาสว่าผมคงไม่สามารถ เป็น “ตำรวจนครบาล” ได้ดี…ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจหล่ะครับ ว่าภาพจำของผมในระยะหลัง ถูกจัดไว้ในจำพวก “มือถือไมค์ ไฟส่องหน้า” …ก็อย่างที่บอกหล่ะครับว่า ผมเล่นสมบทบาทเกินไป จนทำให้ถูก “ตีตรา” เป็นพวกเต้นกินรำกินไปซะแล้ว….แต่หากย้อนหลังไปซักสิบปีที่แล้ว ในวันที่ผมเล่นบทบาทของ “นก.มักกะสัน 2” (รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สน.มักกะสัน)  วันที่ผมนำตำรวจมักกะสันชนะเลิศประกวดการฝึกของบช.น. ในวันที่่โครงการ “เขตกำจัดจุดอ่อน” ที่ผมปั้นขึ้นมา ถูกนำไปบังคับใช้ในทุกสน. หรือในวันที่รองผบช.น.ในวันนั้นที่ชื่อ “อดุลย์ แสงสิงแก้ว” เรียกพวกเราประชุมตอนตี 4 แล้วซักถามถึงข้อมูลท้องถิ่น เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการ

นก.มักกะสัน 2

ทำงานของฝ่ายป้องกันปราบปราม แล้วผมสามารถตอบได้ โดยใช้เทคโนโลยีที่สมัยนั้นถือว่า “ล้ำ” มากๆ คือเครื่องมือที่เรียกว่า “ปาล์ม” โดยไม่มีติดขัด แล้วก็ถูกพัฒนามาเป็นโครงการ”สายตรวจปาล์ม” ของสน.มักกะสัน …ฯลฯ ซึ่งวิถีการเป็น “ตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปราม” ของผมอาจจะไม่เหมือน อาจจะไม่ซ้ำรอยกับใคร แต่ผมก็มั่นใจว่าผมมีลีลาที่เป็นตัวของตัวเอง “ไม่น้อยหน้า” ใครเหมือนกัน

วันนี้่ “I AM BACK” … ผมกลับมาแล้วครับ กลับมาพร้อมกับความมั่นอกมั่นใจ กลับมาพร้อมกับไฟ พร้อมจะเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งที่เรียกว่าการเป็น “ตำรวจมืออาชีพ” และแน่นอน…ผมกลับมาพร้อมกับบทเรียนใหม่ ๆ  แบบฝึกหัดใหม่ ๆ ในบทบาทของการเป็น “รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ” …(ซึ่งหลาย ๆ คนถามว่ากองบังคับการตำรวจนครบาล 4 เนืี่ยมันอยู่ตรงไหนของกรุงเทพ ฯ …ที่ทำการอย่างเป็นทางการหน่ะยังไม่มีหรอกครับ อาศัยเป็นที่ทำการชั่วคราวบน สน.บางชันอยู่ แต่เขตรับผิดชอบก็คือพื้นที่ของ สน.บางชัน, บึงกุ่ม, ลาดพร้าว, โชคชัย, ประเวศ, อุดมสุข, หัวหมาก, วังทองหลาง…ทั้งหมด 8 สน.ครับ)

แล้ววันนี้ ผมอยากจะบอกพี่น้องอีกครั้งว่าผมพร้อมแล้วครับ  สำหรับการเป็นตำรวจ….นครบาล ครับพ้ม !

จุดตรวจโยธินพัฒนา 07-12-2555

10 thoughts on “ผมเป็นตำรวจ…นครบาล ครับ

  1. ชอบคำพูดนี้จัง “รักสบาย ไร้ระบบตรวจสอบ ไม่ชอบคิดสร้างสรรค์ ความขยันไม่มีให้เห็น เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น อยู่อยู่กันไปวันวัน พอถึงวันนั้นก็วิ่งเต้นเอา”… มองเห็นภาพชัดเลย…แล้วโครงการ”สายตรวจปาล์ม” เป็นโมเดล ที่ตำรวจภูธร ที่ไหนได้เอาไปใช้บ้างป่าวครับท่าน อยากให้เอาไปใช้แถวบ้านผมจัง

    1. โอว้… เครื่อง handheld ที่ชื่อว่า palm. มันตกยุคไปเมื่อกว่าสิบปีแล้วครับ. วันนี้มันอยู่ในพิพิธภัณฑ์เครื่องมือโบราณไปแล้ว อิอิ…แต่เร็วๆ นี้ คอยติดตามความก้าวหน้าของตำรวจนครบาล 4 ในการใช้เทคโนโลยีแบบล้ำๆ เพื่องานตำรวจ เพื่อประชาชนคร้าบ…ขอบคุณครับ

  2. “รักสบาย ไร้ระบบตรวจสอบ ไม่ชอบคิดสร้างสรรค์ ความขยันไม่มีให้เห็น เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น อยู่อยู่กันไปวันวัน พอถึงวันนั้นก็วิ่งเต้นเอา”ไมใช่ผมครับพี่

    1. ม่ายช่ายน้องเดหรอก…แต่มันเป็นบริบทการทำงานโดยรวมหน่ะ บรรยากาศมันทำให้เป็นอย่างงั้น แต่คนที่ไม่อยู่ในบริบทอย่างนั้นก็มีไม่น้อยนะ ไม่ใช่ว่าเป็นทั้งหมด

  3. ผมติดตามอ่านเสมอ และ ชอบมาก ที่พี่เขียนครับ ทำให้มีกำลังใจต่อสู้กับระบบ แบบลุกทุ่งๆ ต่อไป
    พี่คือ IDOL ของตำรวจคนทำงานในวันนี้ครับ

  4. ข้อความนี้ถูกใจมากคะท่านรองฯ อยากให้ตำรวจที่ไม่สนใจประชาชนมาอ่านข้อความนี้จังอย่างน้อยเขาน่าจะสำนึกในหน้าที่บ้างไม่ใช่จ้องแต่จะขูดรีดประชาชน อ้อแต่เฉพาะตำรวจบางส่วนเท่านั้นนะคะไม่ได้เหมารวม
    อย่าเพิ่งโกรธนะคะ เวลาอ่านอย่าทดคิ้วขมวดด้วยเดี่ยวจะแก่ไว +555

ใส่ความเห็น