
18 มกราคม 2556 ผมได้รับมอบหมายจาก “ผู้การตุ้ย” พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เจ้านายโดยตรง ให้จัดทำโครงการที่จะมาสนองตอบต่อนโยบายข้อที่ 1 ของท่านผบ.ตร. “พี่อู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ในเรื่องการปกป้องเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฯลฯ…ผมครุ่นคิดอยู่นานว่าจะทำอย่างไรดี ให้นโยบายที่ว่านั้นนำไปสู่การปฏิบัติด้วย “หัวใจ” ไม่ใช่ด้วยคำสั่ง และด้วยการทำงานแบบ “มืออาชีพ” ที่มีความพร้อมทั้งเรื่องความรู้ เรื่องประสบการณ์ และที่สำคัญเร่ืองทักษะที่ถูกต้อง และในที่สุดโครงการ “การถวายความปลอดภัยแบบมืออาชีพ” ก็ถูกสร้างขึ้นมา ด้วยเป้าหมายแน่วแน่ที่จะทำให้ภารกิจของตำรวจในเรื่องการถวายความปลอดภัย เป็นไปแบบ “มืออาชีพ”
แน่นอนหล่ะครับ เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานในประเทศนี้ ต่าง”อ้างว่า” ให้ความสำคัญเป็นเรื่องแรกๆ ในนโยบายของหน่วยงาน แต่เมื่อเข้าสู่โหมดการปฏิบัติในเรื่องความจงรักภักดี การถวายความปลอดภัย การปกป้องสถาบัน ราชบัลลังก์ ผมยังไม่ค่อยเห็นหน่วยงานไหนที่ “ทุ่มเท” เอาจริงเอาจังกับเรื่องที่เราถือว่า “สำคัญที่สุด” เลย ที่เห็นก็มีแต่ป้ายคำขวัญเก๋ ๆ รูปข้าราชการยืนตะเบ๊ะ เท่ ๆ ตามสี่แยก ซึ่งก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่า มันจะช่วยสร้างเครื่องมือในการให้ตำรวจน้อยใหญ่ ถวายความปลอดภัย ปกป้องสถาบัน ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมอย่างไร
ผมได้รับการบอกเล่าจากท่าน “ภักดีโอเล่” หรือ พล.ต.ท.ไตรรัตน์ อมาตยกุล รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ ถึงหลักคิด หลักนิยม ในการถวายความปลอดภัยว่าต้องคำนึงถึงสองเรื่องสำคัญคือ “ต้องถวายความปลอดภัย และต้องถวายพระเกียรติ” ซึ่งฟังดูเผิน ๆ แล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไร แต่ถ้าหากเอาสองประโยคนี้มาคิดใคร่ครวญแล้วถอดออกมาเป็นวิธีปฏิบัติ สองเรื่องนี้เป็นประเด็นที่แตกออกมาเป็นการปฏิบัติที่สอดคล้องกันได้ “ไม่ง่าย” เอาเสียเลย ….ก็นั่นแหละครับ จึงเป็นที่มาของการที่หน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยทหารตำรวจ ที่มีหน้าทีโดยตรง และเป็นนโยบายข้อที่ 1 ของหน่วยงาน จะต้องเร่งสร้่างแบบวิธีปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ผู้ปฏิบัติเกิดความชัดเจน และปฏิบัติด้วย “หัวใจแห่งความจงรักภักดี”….อย่างแท้จริง

